TH EN
banner
home > เกี่ยวกับสมาคม > ข้อบังคับสมาคม
ข้อบังคับสมาคม
หมวดที่ 10 การเงินการบัญชีของสมาคม

ข้อ 38.  ให้คณะกรรมการจัดทำงบดุลและบัญชีรายได้รายจ่ายปีละ 1 ครั้ง แล้วส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในเวลา
           ไม่เกินเดือนมกราคมของปีถัดไป โดยให้ถือเอาวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิ้นรอบปีการบัญชีของสมาคม
ข้อ 39.  ให้คณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินกิจการของสมาคมรอบปีที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญ
ข้อ 40.  ผู้สอบบัญชีซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งมีอำนาจเข้าตรวจสอบสมุดบัญชี และบรรดาเอกสารเกี่ยวกับการเงินของสมาคม
            และมีสิทธิสอบถามกรรมการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของสมาคมทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีและเอกสารดังกล่าว
            ในการนี้กรรมการและเจ้าหน้าที่จะต้องช่วยเหลือและให้ความสะดวกทุกประการเพื่อตรวจสอบ เช่นว่านั้น
ข้อ 41.  สมุดบัญชีและเอกสารการเงินของสมาคมจะต้องเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานของสมาคม และให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ
           ของเหรัญญิกของสมาคมหรือผู้ที่คณะกรรมการได้มอบหมาย
ข้อ 42.  เงินสดของสมาคมจะต้องนำฝากไว้ ณ ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน หรือการลงทุน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตท้อง
           ที่จังหวัด ที่สมาคมตั้งอยู่ในนามของสมาคม โดยความเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการ การบริหารเงินสด  
           การฝากและการถอนเงินของสมาคมให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
                    กรณีคณะกรรมการยังไม่ได้กำหนดและให้ความเห็นชอบการเงินและการบัญชีของสมาคม ให้นายกสมาคม
           อุปนายก เหรัญญิก หรือเลขาธิการสองในสี่คนลงนามร่วมกันในการสั่งจ่ายเงินเกี่ยวกับกิจการสมาคม

 

          

    

 

         

หมวดที่ 9 การประชุมใหญ่

ข้อ 30.  ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นงวดปีการบัญชีของสมาคม  
           คณะกรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้ตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อมีสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบราย  
           ร้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรให้เรียกประชุม โดยอาจจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไข ขั้นตอน และวิธีการที่กฏหมายกำหนด
ข้อ 31.  ให้ส่งหนังสือบอกกล่าวนัดประชุมใหญ่สามัญและวิสามัญไปยังสมาชิกให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อน
           วันประชุม พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าเรียกประชุมเพื่อการใด
ข้อ 32.  ในวันประชุม ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม
                   ในกรณีการประชุมวิสามัญเพราะเหตุที่มีสมาชิกเป็นผู้ร้องขอ จะต้องมีสมาชิกมาประชุมเป็นจำนวนไม่น้อย
            กว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม
ข้อ 33.  การประชุมใหญ่ที่ได้นัดเรียกประชุม ณ วันและเวลาใด หากล่วงพ้นกำหนดนัดแล้วหนึ่งชั่วโมง ยังมีสมาชิกมา
           ไม่ครบองค์ประชุม  ถ้าการประชุมใหญ่คราวนั้นได้เรียกนัดเพราะสมาชิกร้องขอ ให้ยกเลิกการประชุมโดย
           ไม่ต้องเรียกประชุมตามที่ร้องขออีก  ถ้ามิใช่เพราะสมาชิกร้องขอ  ให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นไป และให้ทำการ
           บอกกล่าวนัดประชุมอีกครั้งหนึ่ง ภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันนัดประชุมใหญ่คราวแรก และในการประชุมคราวหลังนี้
           มีสมาชิกมาประชุมมากน้อยเพียงใดก็ให้ถือเป็นองค์ประชุม
ข้อ 34.  ให้นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุมใหญ่

ข้อ 35.  กิจการที่พึงกระทำในที่ประชุมใหญ่สามัญ ได้แก่
           35.1   รับรองรายงานการประชุมใหญ่คราวก่อน
           35.2   คณะกรรมการรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา
           35.3   พิจารณาอนุมัติงบดุล และบัญชีรายได้รายจ่ายของสมาคม
           35.4   พิจารณาเลือกตั้งนายกสมาคมและกรรมการของสมาคม (ถ้ามี)
           35.5   พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของสมาคม และกำหนดค่าตอบแทน
           35.6   พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
ข้อ 36.  ให้ที่ประชุมใหญ่วิสามัญปรึกษากิจการได้เฉพาะหัวข้อที่ระบุไว้ในหนังสือบอกกล่าวนัดประชุมเท่านั้น  จะปรึกษา
            กิจการอื่นอันใดมิได้
ข้อ 37.  เว้นแต่มีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การลงมติในที่ประชุมใหญ่ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของสมาชิกซึ่งมาประชุม
           และออกเสียงลงคะแนน โดยให้ถือว่าสมาชิกแต่ละรายมีคะแนนเสียงเป็นหนึ่งเสียง  ไม่ว่าจะเป็นการลงคะแนน
           โดยวิธีลับหรือวิธีเปิดเผย  ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

 

 

         

                          

        

         


       

         

           
      

          

          

                 

        

หมวดที่ 1 หมวดทั่วไป

ข้อ 1.    สมาคมนี้มีชื่อว่า "สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย"

             เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "แอสโซซิเอชั่น ออฟ ไทย เซคคิวริตี้ คอมพานีส์"
             เขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "Association of Thai Securities Companies"
             คำว่า "สมาคม" ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง "สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย"
             คำว่า "คณะกรรมการ" ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง "คณะกรรมการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย"

ข้อ 2.    สำนักงานของสมาคมนี้ตั้งอยู่ ณ อาคารชุดเลครัชดาออฟฟิศคอมเพล็กซ์ 2 ชั้น 5  
            เลขที่ 195/6 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

 ข้อ 3.    ตราของสมาคมเป็นเครื่องหมาย

            

หมวดที่ 2 วัตถุที่ประสงค์
ข้อ 4. วัตถุที่ประสงค์ของสมาคมมีดังต่อไปนี้
 
          4.1 เป็นศูนย์รวมของบริษัทหลักทรัพย์ทุกประเภท
          4.2 ส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุน  ธุรกิจหลักทรัพย์  รวมทั้งคุ้มครองป้องกันและรักษาผลประโยชน์ ชื่อเสียง และภาพพจน์ของวงการ
                ธุรกิจหลักทรัพย์
          4.3 ส่งเสริมและสนับสนุนสมาชิกของสมาคมให้ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยครบถ้วน
          4.4 ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานอันดีในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์  เพื่อประโยชน์ของสมาชิกและประชาชน
          4.5 ให้ความร่วมมือกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการออกระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์
          4.6 ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์
               บริษัทจดทะเบียนหน่วยงานหรือสถาบันใดๆเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์
          4.7 ควบคุมดูแลสมาชิกของสมาคมให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจที่ทางสมาคมได้กำหนดขึ้น
          4.8 ประสานความร่วมมือระหว่างสมาชิกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์  รวมทั้งการประนอมข้อพิพาทระหว่างสมาชิก
                หรือกับบุคคลภายนอกอันเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
          4.9 ส่งเสริมการศึกษาวิจัยและการเผยแพร่ทางวิชาการและข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์
          4.10 ส่งเสริมความสามัคคี พัฒนาการด้านกีฬา และกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างความสามัคคีในหมู่สมาชิก
          4.11 บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และกระทำกิจการอื่นใดที่จำเป็นและสมควรเพื่อให้บรรลุตามวัตถุที่ประสงค์ที่กล่าวมาข้างต้น
          4.12 ส่งเสริมและสนับสนุนการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและประชาชน
          4.13 ส่งเสริมและให้ความร่วมมือกับสถาบันหรือสมาคมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนต่างประเทศเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและประชาชน
          4.14 สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมาคม ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบริการทางการเงิน และการลงทุน
   
                 ทั้งนี้วัตถุที่ประสงค์ทุกประการไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวดที่ 3 สมาชิกและสมาชิกภาพ
ข้อ 5. สมาชิกของสมาคมมีประเภทเดียว คือ สมาชิกสามัญ
         สมาชิกสามัญ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
         จากกระทรวงการคลัง แต่ไม่รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
         ประเภทที่ให้บริการแบบจำกัดชนิดของตราสารอื่นใดที่มิใช่ตราสารทุน
 
         บริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ซึ่งไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในข้อ
         บังคับฉบับนี้ และมีสถานะเป็นสมาชิกสมาคมก่อนวันที่ข้อบังคับฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้สามารถเป็นสมาชิก   
         ของสมาคมต่อไปได้
 
         กรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ผู้สมัครรายใดได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทอื่นใดที่ไม่เป็นไปตามที่
         ข้อบังคับกำหนด ให้คณะกรรมการมีอำนาจพิจารณาผ่อนผันได้เป็นรายกรณี
 
ข้อ 6. บริษัทหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติตามข้อ 5. ซึ่งมีความประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ให้ยื่นใบสมัคร
         ต่อเลขาธิการของสมาคมตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สมาคมกำหนด
 
ข้อ 7. เมื่อเห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์ผู้สมัครมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 5 ให้เลขาธิการนำใบสมัครของบริษัทหลักทรัพย์ผู้สมัครเสนอต่อคณะ
         กรรมการพิจารณาคุณสมบัติและรับบริษัทหลักทรัพย์นั้นเป็นสมาชิก
 
         ให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งให้ผู้สมัครนั้นทราบภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่มีมติ และให้เลขาธิการแจ้งการรับสมาชิกใหม่ให้สมาชิกทราบ
         เมื่อผู้สมัครได้ชำระค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงเรียบร้อยแล้ว
 
ข้อ 8. สมาชิกภาพเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงเรียบร้อยแล้ว
 
ข้อ 9. สมาชิกแต่ละรายมีสิทธิแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้แทนหลักและผู้แทนสำรองของตนเพื่อการใช้สิทธิของสมาชิกตามข้อบังคับ
         นี้ได้เป็นจำนวนไม่เกินสองคนโดยแจ้งต่อเลขาธิการเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้แทนหลักของสมาชิกคนหนึ่งจะต้อง
         เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสุดของสมาชิก หรือกรรมการที่เป็นผู้บริหารและมีอำนาจลงนามของสมาชิกซึ่ง
         ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา  ส่วนผู้แทนสำรองจะแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งเป็นผู้บริหารไม่เกินลำดับที่สองรองจากผู้บริหารสูงสุด
 
ข้อ 10. สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพในกรณีดังต่อไปนี้
10.1 ลาออก
10.2  ล้มละลาย หรือเลิกประกอบกิจการ
10.3 ไม่ชำระค่าบำรุงตามข้อ 12. และคณะกรรมการมีมติให้พ้นจากการเป็นสมาชิก
10.4 ให้สมาชิกซึ่งถูกทางการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ทุกประเภทที่ได้รับ 
         พ้นจากสมาชิกภาพนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน
10.5 ที่ประชุมใหญ่ของสมาคมมีมติให้เพิกถอนชื่อจากทะเบียนสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม
         ของจำนวนเสียงทั้งหมดของสมาชิกที่มาประชุมและออกเสียงลงคะแนน และต้องมีจำนวนเสียงนับรวมกันได้
         ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนเสียงทั้งหมดของสมาชิก
 
ข้อ 11. ให้นายทะเบียนของสมาคมจัดทำทะเบียนสมาชิกตามที่กฎหมายกำหนด
 

 

หมวดที่ 4 ค่าลงทะเบียนและค่าบำรุง

ข้อ 12. สมาชิกต้องชำระค่าลงทะเบียนสมาชิกแรกเข้าและค่าบำรุงรายปี ตามที่ประชุมใหญ่ลงมติกำหนดจำนวนเงินในการเรียกเก็บจากสมาชิก 
          โดยชำระภายในเดือนมกราคมของทุกปี

 

หมวดที่ 5 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ 13. สมาชิกมีสิทธิดังต่อไปนี้
           13.1 ได้รับความช่วยเหลือและการสงเคราะห์ในเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการอันอยู่ในวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมที่จะอำนวยให้ได้
           13.2 เสนอความคิดเห็นหรือให้คำแนะนำต่อสมาคมหรือคณะกรรมการในเรื่องใดๆ อันเกี่ยวกับกิจการของสมาคม  เพื่อนำมาซึ่งความเจริญ
                   รุ่งเรืองของสมาคม
           13.3 ขอตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของสมาคมได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อเลขาธิการ
           13.4 เข้าร่วมประชุม อภิปราย แสดงความคิดเห็น ซักถามคณะกรรมการ เสนอญัตติในการประชุมใหญ่ของสมาคม
           13.5 มีสิทธิประดับเครื่องหมายของสมาคม
 
ข้อ 14. สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
           14.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง วิธีปฏิบัติ หนังสือเวียน  จรรยาบรรณ มาตรฐาน แนวทางปฏิบัติงาน ที่สมาคมกำหนดขึ้น
                   มติของที่ประชุมสมาชิกที่แจ้งให้สมาชิกรับทราบโดยเคร่งครัด
           14.2 ประกอบธุรกิจตามมาตรฐานและจรรยาบรรณอันดีของธุรกิจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสมาชิกและ ประชาชน
           14.3 ประกอบธุรกิจด้วยความสุจริตและยุติธรรมต่อลูกค้า
           14.4 ร่วมมือกับสมาคมในกิจการต่าง ๆ ของสมาคม
           14.5 ปฏิบัติตามมาตรฐานของการปฏิบัติงานด้านธุรกิจหลักทรัพย์ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับ
                   หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานที่กำกับดูแลสมาชิก
           14.6 ยินยอมให้สมาคม หรือหน่วยงานภายนอกที่มีข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมและที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ความเห็นชอบเข้าตรวจ
                   สอบการดำเนินงานของสมาชิกตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง วิธีปฏิบัติ หนังสือเวียน จรรยาบรรณ มาตรฐาน แนวทางปฏิบัติงาน
                   ที่สมาคมกำหนดขึ้น มติของที่ประชุมสมาชิกที่แจ้งให้สมาชิกรับทราบ รวมถึงยินยอมให้หน่วยงานภายนอกดังกล่าวเปิดเผยหรือจัดส่งข้อมูล
                   เอกสารหลักฐานที่ได้จากการตรวจสอบให้กับสมาคม

 

หมวดที่ 6 คณะกรรมการของสมาคม
ข้อ 15. คณะกรรมการของสมาคม
           15.1 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารกิจการของสมาคม มีจำนวน 11 คนคณะกรรมการนี้ต้องเป็นผู้แทนหลัก
                   ของบริษัทสมาชิกที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ของสมาชิก ให้นายกสมาคมและเลขาธิการสมาคมเป็นกรรมการโดย
                   ตำแหน่ง
           15.2 ให้ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกเลือกตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกสมาคม 1 คน และตำแหน่งกรรมการของสมาคมอีก 9 คนตามลำดับ
                   ให้นายกสมาคมดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี และอาจได้รับเลือกตั้งอีกได้ ให้กรรมการของสมาคมมีวาระละ 3 ปี  ในการประชุมใหญ่
                   สามัญประจำปีทุกครั้งให้กรรมการของสมาคมที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมและเลขาธิการสมาคมออกจากตำแหน่ง
                   จำนวนสามคน โดยให้ผู้ที่อยู่ในวาระนานที่สุดออกก่อนและหากมีจำนวนกรรมการอยู่ในวาระนานมากกว่าสามคนให้ใช้วิธีจับสลากกรรมการ
                   ที่อยู่ในวาระนานเท่ากันและให้ถือว่าการออกจากตำแหน่งในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเป็นการออกตามวาระ เพื่อให้มี
                   การเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระนั้น กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับเลือกตั้งอีกได้  
           15.3 นายกสมาคมอาจพิจารณาแต่งตั้งผู้ที่เป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ซึ่งสมาชิกเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ
                   ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นกรรมการสมทบ โดยวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการสมทบให้เป็นไป
                   ตามวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการตลาดหลักทรัพย์
                   ให้กรรมการสมทบมีสิทธิเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียง ไม่นับเป็นองค์ประชุมของคณะกรรมการ
                   และไม่ถือเป็นกรรมการตามข้อ 15.1 ที่ต้องจดทะเบียนตามข้อ 21  แต่ทุกคราวที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการสมทบ
                   ให้มีหนังสือแจ้งเปลี่ยนแปลงกรรมการนั้น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพื่อทราบโดยไม่ชักช้า

                   มิให้นำความในข้อ 16 ข้อ 17 ข้อ 18 ข้อ 19 ข้อ 20 ข้อ 22 และข้อ 23 มาใช้บังคับกับกรรมการสมทบ

 
ข้อ 16. กรรมการของสมาคมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
           16.1 ตาย
           16.2 ลาออก
           16.3 ขาดคุณสมบัติข้อ 15.1
           16.4 บริษัทสมาชิกที่ตนสังกัดพ้นจากสมาชิกภาพ
           16.5 บริษัทสมาชิกที่ตนสังกัดถอนการเป็นผู้แทน
           16.6 ที่ประชุมใหญ่มีมติถอดถอนด้วยคะแนนเสียงสองในสามของจำนวนเสียงทั้งหมดของสมาชิกซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน
           16.7 เป็นบุคคลล้มละลาย
           16.8 ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
           16.9 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีคำสั่งให้ออกตามกฎหมาย
 
ข้อ 17. เมื่อมีกรรมการของสมาคมพ้นจากตำแหน่งให้มีการเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง โดยกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งจะ
           อยู่ในตำแหน่งตามวาระที่เหลือของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับจากวันที่
           กรรมการพ้นจากตำแหน่ง 
 
ข้อ 18. ในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้งต้องมีกรรมการมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด  จึงจะถือว่าครบเป็นองค์
           ประชุม ให้นายกสมาคมเป็นประธานของที่ประชุม
 
ข้อ 19. มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการที่มาเข้าประชุม ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่ม
           ขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
 
ข้อ 20. ให้มีการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในหนึ่งไตรมาสในกรณีที่นายกสมาคมหรือกรรมการของสมาคมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเห็น
           สมควรจะมีการเรียกประชุมเป็นพิเศษขึ้นก็ได้ โดยอาจจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไข ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายกำหนด
 
ข้อ 21. ทุกคราวที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการ ให้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการนั้นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
           ตลาดหลักทรัพย์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง
 
ข้อ 22. อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการให้เป็นไปดังต่อไปนี้
           22.1 กำกับดูแลการบริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติของที่ประชุมใหญ่
           22.2 ควบคุมดูแลทรัพย์สินของสมาคม
           22.3 รักษาผลประโยชน์และภาพพจน์อันดีงามของสมาคม
           22.4 แต่งตั้งอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือที่ปรึกษาเพื่อการบริหารกิจการของสมาคมและเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการบริหาร
                   กิจการของสมาคม
           22.5 แต่งตั้งเลขาธิการสมาคม
           22.6 กำหนดข้อบังคับระเบียบ ประกาศ คำสั่ง และจรรยาบรรณที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจหลักทรัพย์หรือที่ให้สมาชิกหรือผู้เกี่ยวข้องถือ
                  ปฏิบัติ  รวมทั้งพิจารณาลงโทษสมาชิกหรือผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือจรรยาบรรณดัง
                  กล่าวด้วย
 
ข้อ 23. อำนาจหน้าที่ของกรรมการในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
           23.1 นายกสมาคม เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามที่เห็นสมควร และมีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารกิจการของสมาคมให้
                   เป็นไปตามข้อบังคับและระเบียบในการปฏิบัติงานของสมาคม เป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเป็น
                   ประธานในที่ประชุมของคณะกรรมการตลอดจนในที่ประชุมใหญ่สมาชิก
           23.2 อุปนายกสมาคม มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือนายกสมาคมในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายกสมาคม และเป็นผู้ทำการแทน
                   นายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
           23.3 เหรัญญิกสมาคม มีหน้าที่กำกับดูแลรักษาการจ่ายเงิน การทำบัญชีการเงิน การเก็บรักษาทรัพย์สินและพัสดุของสมาคม ตลอดจน
                   ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการจะได้มอบหมาย
           23.4 นายทะเบียนสมาคม มีหน้าที่กำกับดูแลจัดทำทะเบียนสมาชิก และทะเบียนต่างๆ อันมิใช่ทะเบียนเกี่ยวกับ    การเงินของสมาคม
                   ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการจะได้มอบหมาย
 
ข้อ 24. เลขาธิการสมาคมให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้ง โดยให้ปฏิบัติงานเต็มเวลาและให้ได้รับเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นตามที่
           คณะกรรมการกำหนด และมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการวางแผนงาน การบริหารจัดการด้านการเงิน ภาษี ความเสี่ยง งานด้านทรัพยากรบุคคล
           งบประมาณ และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สมาคม และทำหน้าที่
           ในการโต้ตอบหนังสือ เก็บรักษาเอกสารต่างๆ ของสมาคมเป็นเลขานุการในที่ประชุมคณะกรรมการ และที่ประชุมใหญ่ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ
           ตามที่คณะกรรมการจะได้มอบหมายและวาระการดำรงตำแหน่งตามที่คณะกรรมการจะกำหนด
 
                  มิให้นำความในข้อ 15.1 ข้อ 15.2 ข้อ 16.4 และข้อ 16.5 มาใช้บังคับแก่การดำรงตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งกรรมการของเลขาธิการ
           สมาคม

 

หมวดที่ 7 จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ
ข้อ 25. ในการประกอบธุรกิจ สมาชิกต้องถือปฏิบัติตามจรรยาบรรณต่อไปนี้
           (1) สมาชิกต้องประกอบธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีจริยธรรมในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือประชาชน รวมทั้ง
                สมาชิกอื่น
           (2) สมาชิกต้องปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ตลอดจนให้บริการ โดยใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ ด้วยความ
                ระมัดระวังรอบคอบ ด้วยข้อมูลที่เพียงพอและมีหลักฐานที่สามารถอ้างอิงได้
           (3) สมาชิกต้องเปิดเผยให้ลูกค้าทราบ ในกรณีที่สมาชิกมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ให้บริการนั้น
           (4) ห้ามมิให้สมาชิกเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าที่ตนได้ล่วงรู้มาเนื่องจากการดำเนินธุรกิจ อันเป็นข้อมูลที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่
                เปิดเผย เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงินหรือประชาชน
           (5) ห้ามมิให้สมาชิกให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการกระทำอันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ
                การกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริต หรือการกระทำอันเป็นภัยต่อเศรษฐกิจหรือความมั่นคงของประเทศ 
                ตลอดจนปกปิดหรือมีส่วนในการยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ได้มาเนื่องจากการกระทำดังกล่าว
 
ข้อ 26. สมาคมอาจกำหนดจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจขึ้นเพิ่มเติมหรือกำหนดขึ้นเฉพาะสำหรับธุรกิจของสมาชิกแต่ละประเภทก็ได้
 

 

หมวดที่ 8 การลงโทษสมาชิก
ข้อ 27. สมาชิกใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่งหรือจรรยาบรรณของสมาคม สมาชิกนั้นอาจได้รับการลงโทษในลักษณะอย่างหนึ่ง
            อย่างใดหรือหลายอย่างประกอบกันดังต่อไปนี้ได้
            1. ภาคทัณฑ์
            2. ปรับ
            3. ตัดสิทธิในการใช้สิทธิใด ๆ ในฐานะสมาชิกของสมาคม
            4. ให้พ้นจากสมาชิกภาพ
                    ให้การลงโทษตาม (1) (2) และ (3) เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ และให้การลงโทษตาม (4) เป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ของ
            สมาคม
 
ข้อ 28.ในกรณีที่จะมีการพิจารณาลงโทษสมาชิกรายใดตามข้อ 27. (3) และ (4) ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อ
            พิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงและทำความเห็นสรุปเสนอการลงโทษตามข้อ 27. (3) ต่อคณะกรรมการ และการลงโทษตามข้อ 27. (4)
            ต่อที่ประชุมใหญ่ของสมาคมแล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการพิจารณาลงโทษก่อน
                    คณะอนุกรรมการให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน โดยจะแต่งตั้งจากผู้แทนสมาชิกและ/หรือบุคคลภายนอก ผู้ทรงคุณวุฒิใน
            เรื่องของธุรกิจหลักทรัพย์ก็ได้
 
ข้อ 29. ในการพิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการ จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้สมาชิกผู้ถูกกล่าวหาได้ทราบ และให้โอกาส
            แก่สมาชิกผู้นั้นที่จะชี้แจงหรือเสนอพยานหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่มีต่อตนด้วยเสมอ

 

TOP