TH EN
banner
ข้อบังคับชมรม
หมวดที่ 1 : บททั่วไป
ข้อ 1. ชมรมนี้มีชื่อว่า “ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย”
         มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Futures Industry Club" (FI Club)
         คำว่า “ชมรม” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า”
         คำว่า “คณะกรรมการ” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “คณะกรรมการของชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า”
         คำว่า “กรรมการ” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “กรรมการของชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า”
   
ข้อ 2. สำนักงานของชมรมตั้งอยู่ ณ ที่ทำการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
   
ข้อ 3. ในกรณีที่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยหรือตีความเกี่ยวกับข้อบังคับนี้หรือการดำเนินการของชมรม ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัย
          หรือตีความแล้วแต่กรณี
หมวดที่ 2 : วัตถุประสงค์ของชมรม
ข้อ 4. วัตถุประสงค์ของชมรมมีดังต่อไปนี้
 
         4.1 ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
         4.2 ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทั้งด้านหลักการและด้านปฏิบัติ
         4.3 เป็นตัวแทนของสมาชิกเพื่อให้ความร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอันที่จะพัฒนาธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
         4.4 กำกับดูแลสมาชิกของชมรมให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ จรรยาบรรณของชมรมและหรือมติที่ประชุมสมาชิกในการประกอบ
               ธุรกิจที่ทางชมรมได้กำหนดขึ้น
         4.5 ประสานความร่วมมือระหว่างสมาชิกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งการประนอม
               ข้อพิพาทระหว่างสมาชิก หรือกับบุคคลภายนอกอันเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
         4.6 ส่งเสริมการศึกษา วิจัย และการเผยแพร่ข่าวสารทางวิชาการและข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
หมวดที่ 3 : สมาชิกและสมาชิกภาพ
ข้อ 5. สมาชิกของชมรม ต้องเป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
   
ข้อ 6. บริษัทที่มีคุณสมบัติตามข้อ 5. ซึ่งมีความประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมให้ยื่นใบสมัครต่อเลขาธิการชมรมตามวิธีการที่ชมรม
         กำหนด และให้เลขาธิการชมรมนำใบสมัครนั้นเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคำขอเข้าเป็นสมาชิก เมื่อคณะกรรมการมีมติให้รับ
         หรือไม่รับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ให้เลขาธิการชมรมมีหนังสือแจ้งให้ผู้สมัครนั้นทราบภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ลงมติ
   
ข้อ 7. สมาชิกภาพเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระค่าบำรุงเรียบร้อยแล้ว
   
ข้อ 8. สมาชิกย่อมขาดจากสมาชิกภาพในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
 
         8.1 สมาชิกแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรขอลาออกจากชมรม
         8.2 สมาชิกไม่ชำระค่าบำรุงรายปี และคณะกรรมการมีมติให้ออก
         8.3 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอนชื่อจากทะเบียนสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวน สมาชิกที่มาประชุม
         8.4 คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับของชมรมหมวดที่ 8 ข้อ 27
หมวดที่ 4 : ค่าบำรุง
ข้อ 9. สมาชิกจะต้องชำระค่าบำรุงชมรมดังนี้
 
         9.1 ค่าบำรุงรายปี ๆ ละ 20,000 บาท หรือตามที่คณะกรรมการกำหนด
         9.2 สมาชิกต้องชำระค่าบำรุงรายปีภายในเดือนพฤษภาคมของทุกปี หรือตามที่คณะกรรมการกำหนด
หมวดที่ 5 : สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ 10. สมาชิกมีสิทธิและหน้าที่ ดังนี้
 
          10.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ จรรยาบรรณของชมรมและหรือมติที่ประชุมสมาชิก
          10.2 แสดงความคิดเห็นและออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม
          10.3 เสนอและเลือกตั้งกรรมการของชมรม
          10.4 ร่วมมือกับชมรมในกิจการต่างๆ ของชมรม
          10.5 ประกอบธุรกิจตามมาตรฐานและจรรยาบรรณอันดีของธุรกิจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสมาชิก
          10.6 ประกอบธุรกิจด้วยความสุจริตและยุติธรรมต่อลูกค้า

                    
 
          

 

หมวดที่ 6 : การประชุมสมาชิก
ข้อ 11. ให้คณะกรรมการจัดประชุมสมาชิกสามัญประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ภายใน 3 เดือน นับแต่วันปิดรอบระยะเวลาบัญชีของชมรม
   
ข้อ 12. การประชุมสมาชิกคราวอื่น ให้เรียกว่าประชุมวิสามัญ ซึ่งคณะกรรมการ หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
           จะร้องขอให้คณะกรรมการจัดประชุม โดยแจ้งเหตุร้องขอจัดประชุมนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังเลขาธิการชมรม
   
ข้อ 13. การประชุมสมาชิกสามัญประจำปี ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม หาก
           เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้า และให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุม
           ครั้งหลังนี้แม้สมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้
   
ข้อ 14. การประชุมสมาชิกวิสามัญ ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม หากเวลา
           ผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมก็ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้า และให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุม
           ครั้งหลังนี้ แม้มีสมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้ เว้นแต่ในกรณีของการประชุมสมาชิกวิสามัญที่สมาชิกร้องขอ
           ให้คณะกรรมการจัดประชุมนั้น หากสมาชิกมาไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ยกเลิกการประชุมนั้นเสีย
   
ข้อ 15. การบอกกล่าวประชุมสมาชิก ให้แจ้งล่วงหน้าก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 5 วันทำการโดยทางจดหมายนำส่งหรือโทรสาร หรือจดหมาย
           อิเลคโทรนิคส์ (E-mail) พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียด วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม
   
ข้อ 16. ให้ประธานชมรมเป็นประธานในที่ประชุมสมาชิก ถ้าประธานชมรมไม่มาประชุมให้รองประธานชมรมทำหน้าที่แทน ถ้ารองประธานชมรม
           ไม่มาประชุมให้สมาชิกเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
   
ข้อ 17. ให้ที่ประชุมถือคะแนนเสียงข้างมากในที่ประชุมเป็นเกณฑ์ สมาชิกแต่ละรายมีคะแนนเสียงรายละหนึ่งเสียง ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน
           ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้เฉพาะในหมวดที่ 10 การแก้ไข ข้อบังคับของชมรมและการเลิกชมรม
หมวดที่ 7 : คณะกรรมการชมรมและการบริหารชมรม
ข้อ 18. การเลือกตั้งและแต่งตั้งคณะกรรมการ
           18.1 ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนไม่เกิน 12 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมสมาชิก และกรรมการอีก 1 คน คือ
                   ผู้อำนวยการสมาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการ เป็นกรรมการและเลขาธิการชมรมโดยตำแหน่ง
           18.2 การเลือกตั้งประธานและกรรมการ ให้กระทำโดยสมาชิกเลือกตั้งจากรายชื่อบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกตามที่ ตนเห็นสมควรให้
                   ดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการแล้วแต่กรณีจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง
                          ในการเลือกตั้งตามวรรคแรก ให้เลือกตั้งประธานก่อน โดยให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ที่ได้รับเลือก หากปรากฏว่ามี
                   ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดมากกว่า 1 คนให้ใช้วิธีจับสลาก
                          ในการเลือกตั้งกรรมการ ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงตามลำดับได้เป็นกรรมการมีจำนวนตามที่คณะกรรมการจะได้กำหนดเป็นคราว ๆ
                   ไปแต่ไม่เกินจำนวนที่ระบุไว้ในข้อ 18.1 ถ้ามีผู้ที่ได้คะแนนเท่ากันในลำดับสุดท้ายที่จะได้เป็นกรรมการคราวนั้น ให้ที่ประชุม
                   สมาชิกลงมติใหม่เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนเท่ากัน หากปรากฏว่าคะแนนเท่ากันอีก ให้ใช้วิธีจับสลาก
           18.3 บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง ประกอบด้วยบัญชีรายชื่อของบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งในตำแหน่ง
                   ประธาน และบัญชีรายชื่อของบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการ
           18.4 ผู้ที่มีสิทธิได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานหรือกรรมการ จะต้องเป็นผู้แทนหรือผู้แทนสำรองของบริษัทสมาชิกหรือเป็นบุคลากรที่ได้รับการรับรองจากบริษัทสมาชิกที่บุคคลนั้นสังกัดอยู่ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ด้านอนุพันธ์
           18.5 การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อรับเลือกตั้งเป็นประธานและกรรมการ ให้เสนอต่อเลขาธิการชมรมก่อนวันประชุมสมาชิกไม่น้อยกว่า
                   สิบสี่วัน และให้เลขาธิการชมรมส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไปยังสมาชิกล่วงหน้าก่อนวันประชุมสมาชิกไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
           18.6 ให้บรรดากรรมการเลือกตั้งกันเองเพื่อดำรงตำแหน่ง รองประธาน เหรัญญิก และตำแหน่งอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
                   กำหนดให้มี
           18.7 คณะกรรมการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี นับจากวันที่ได้รับการเลือกตั้งโดยกรรมการจำนวนหนึ่งในสามจะต้องออกจากตำแหน่ง
                   เมื่อครบ 1 ปี และ 2 ปี เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระนั้น กรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง
                   ตามวาระอาจได้รับเลือกตั้งได้อีก
           18.8 ความในข้อ 18.4 ข้อ 18.6 และข้อ 18.7 มิให้นำมาใช้บังคับแก่ผู้อำนวยการสมาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการ
                   ซึ่งเป็นกรรมการ และเลขาธิการชมรมโดยตำแหน่ง
   
ข้อ 19. ให้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. บริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (TFEX)
           และสำนักหักบัญชี (TCH) เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในฝ่ายงานต่าง ๆ ของชมรมตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
   
ข้อ 20. ให้เลขาธิการชมรมแจ้งรายชื่อประธาน และ/หรือ กรรมการที่ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิก พร้อมทั้งแจ้งรายชื่อ คณะกรรมการให้สมาชิก
           ทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่เลือกตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์
   
ข้อ 21. การเลือกตั้งกรรมการโดยสมาชิกในที่ประชุมสมาชิกจะกระทำโดยวิธีเปิดเผยหรือวิธีอื่นก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ที่ประชุมสมาชิกจะกำหนด
   
ข้อ 22. ให้คณะกรรมการร่วมกันกำหนดและมอบหมายความรับผิดชอบในงานด้านต่าง ๆ ของชมรมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้จัดตั้ง
           คณะกรรมการเสร็จสิ้นสมบูรณ์
   
ข้อ 23. อำนาจและหน้าที่ของประธานและกรรมการ
 
           23.1 บริหารกิจการของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
           23.2 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งที่ปรึกษาของชมรมและคณะอนุกรรมการได้
           23.3 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงานในเรื่องต่าง ๆ จากสมาชิกหรือบุคคลอื่นที่คณะกรรมการเห็นสมควร
           23.4 ให้ประธานชมรมเป็นผู้แทนของชมรมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเป็นประธานในที่ประชุมของคณะกรรมการ
                   และในที่ประชุมสมาชิก
           23.5 ให้เลขาธิการชมรมมีหน้าที่ช่วยเหลือประธานในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธานหรือตามที่ประธานจะมอบหมาย
                   และมีหน้าที่บริหารงานเอกสารที่เกี่ยวกับการประชุม
           23.6 ให้ประธานชมรมประสานงานกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการแต่งตั้งหรือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
                   ทำหน้าที่รักษาและจดบันทึกบัญชีเกี่ยวกับเงิน ทรัพย์สิน รายรับ-รายจ่ายของชมรม ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียนสมาชิก และ
                   หน้าที่อื่น ๆตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
   
ข้อ 24. การประชุมคณะกรรมการ
 
           24.1 ให้มีการประชุมคณะกรรมการตามที่ประธานชมรมจะเห็นสมควร แต่อย่างน้อยจะต้องมีการประชุมกันทุก 3 เดือน
           24.2 ในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้ง ต้องมีกรรมการมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม
           24.3 ให้ประธานชมรมเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานไม่มาประชุมให้รองประธานชมรมทำหน้าที่แทนถ้ารองประธานไม่มาประชุม
                   ให้เลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
           24.4 มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการที่มาประชุมเป็นเกณฑ์ ในกรณีที่เสียงเท่ากันให้ประธาน
                   ที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
   
ข้อ 25. กรรมการจะพ้นจากตำแหน่ง ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
 
           25.1 ถึงแก่กรรม
           25.2 ถึงคราวออกตามวาระ
           25.3 ลาออกจากกรรมการ
           25.4 ออกจากบริษัทสมาชิก
           25.5 บริษัทสมาชิกขาดจากสมาชิกภาพ
           25.6 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
   
ข้อ 26. ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง ซึ่งนอกเหนือไปจากการออกตามวาระในข้อ 18.7 ให้คณะกรรมการแต่งตั้งกรรมการเข้าดำรงตำแหน่ง
           แทน โดยกรรมการผู้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มีวาระการดำรงตำแหน่งได้เท่ากับกรรมการที่ตนเข้ามาแทนพึงมี ทั้งนี้ ให้กระทำในการประชุม
           คณะกรรมการครั้งต่อไปตามองค์ประกอบในข้อ 18.1

 

หมวดที่ 8 : การลงโทษสมาชิก
ข้อ 27. สมาชิกใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง จรรยาบรรณของชมรม และหรือมติที่ประชุมสมาชิก คณะกรรมการอาจมี
            มติลงโทษสมาชิกนั้น ดังต่อไปนี้
            27.1 ภาคทัณฑ์
            27.2 ปรับ
            27.3 ระงับการเป็นสมาชิกชมรมชั่วคราว
            27.4 ให้สมาชิกพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรม
   
ข้อ 28. ในการพิจารณาความผิดและการลงโทษสมาชิก คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนเพื่อทำหน้าที่พิจารณา
            ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปผลการกระทำความผิด
                 ในกรณีที่คณะอนุกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนมีคำสั่งลงโทษสมาชิกใดแล้ว ชมรมจะแจ้งคำสั่งลงโทษเป็นหนังสือไปยังสมาชิก
             ดังกล่าว โดยสมาชิกนั้นอาจยื่นคำขออุทธรณ์การลงโทษต่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ตามหลักเกณฑ์
             ที่ชมรมกำหนด ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ถือเป็นที่สุด
   
ข้อ 29. ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการลงโทษสมาชิก และการเปิดเผยการลงโทษได้ตามที่เห็นสมควร
   
ข้อ 30. บริษัทใดซึ่งถูกระงับการเป็นสมาชิกชมรมชั่วคราวตามข้อ 27.3 อาจขอให้คณะกรรมการยกเลิกการระงับดังกล่าวได้ในกรณีที่ได้มี
           การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร หรือกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นเหตุให้
           ถูกระงับการเป็นสมาชิก และคณะกรรมการเห็นสมควรให้รับเข้าเป็นสมาชิกได้อีก
   
ข้อ 31. บริษัทใดซึ่งพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรมตามข้อ 27.4 จะขอสมัครเป็นสมาชิกชมรมอีกไม่ได้ ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
 
            31.1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร หรือกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำนั้น ๆ
                     และคณะกรรมการเห็นสมควรให้รับเข้าเป็นสมาชิกได้อีก
            31.2 ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกชมรมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรม
หมวดที่ 9 : การเงินและการบัญชี
ข้อ 32. การเงินของชมรมให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ หรือบุคคลที่คณะกรรมการมอบหมาย โดยจะได้รับการสนับสนุนด้าน
           บุคลากรจากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
   
ข้อ 33. รายได้ของชมรมมาจากการเก็บค่าบำรุงจากสมาชิก รายได้จากการจัดกิจกรรม หรือรายได้จากการจำหน่ายเอกสารทางวิชาการของชมรม
   
ข้อ 34. ให้คณะกรรมการพิจารณานำเงินของชมรมฝากไว้ ณ สถาบันการเงินที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดยแยกออกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ของ
           ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย การเบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของชมรมทุกครั้ง ต้องมีหลักฐานการอนุมัติโดยการลงลายมือชื่อของ
           กรรมการอย่างน้อย 2 คนร่วมกัน
   
ข้อ 35. เหรัญญิกของชมรมอาจเก็บรักษาเงินสดย่อยเพื่อการทดรองจ่ายได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท และการเบิกจ่ายเงินจากเงินสดย่อยทุกครั้งต้องมี
           เอกสารหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์
   
ข้อ 36. ให้คณะกรรมการใช้จ่ายเงินของชมรมได้ตามความจำเป็นเพื่อบริหารงานของชมรม และกิจกรรมของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
   
ข้อ 37. รอบปีบัญชีของชมรมเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมทำการตรวจสอบ
           บัญชีรายรับ-รายจ่าย และงบดุลของทางชมรมแล้วนำเสนอต่อที่ประชุมสมาชิกในการประชุมสมาชิกสามัญประจำปี

 

หมวดที่ 10 : การแก้ไขข้อบังคับของชมรมและการเลิกชมรม
ข้อ 38. การแก้ไขระเบียบข้อบังคับของชมรมจะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ด้วยมติของที่ประชุมสมาชิก ซึ่งต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
            ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
   
ข้อ 39. เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ออกใบอนุญาตและรับรองจดทะเบียนสมาคม กำกับผู้ประกอบธุรกิจ
           สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ชมรมเป็นอันยกเลิก หรือโดยมติของที่ประชุมสมาชิก ซึ่งต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า
           3 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมดให้ยกเลิก
   
ข้อ 40. เมื่อชมรมต้องเลิกไป ให้มีการชำระบัญชีของชมรม และ ให้ที่ประชุมสมาชิกคราวนั้นลงมติเลือกตั้งกำหนดตัวผู้ชำระบัญชีเสียด้วย
           หากมีทรัพย์สินของชมรมเหลือจากการชำระบัญชี ให้ตกเป็นของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
หมวดที่ 11 : บทเฉพาะกาล
ข้อ 41. ในวาระแรกเมื่อสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยได้จัดตั้งชมรมแล้ว ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยแต่งตั้งประธานชมรม
           เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับ

 

TOP